คราฟต์เบียร์แตกต่างจากเบียร์เชิงพาณิชย์อย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว คราฟต์เบียร์จะทำโดยโรงเบียร์อิสระขนาดเล็ก ที่เน้นการผลิตเบียร์ที่มีเอกลักษณ์และมีรสชาติ โดยใช้เทคนิคการผลิตเบียร์แบบดั้งเดิมโดยมีวัตถุดิบและส่วนผสมคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบ
ในทางตรงกันข้าม เบียร์เชิงพาณิชย์ผลิตโดยโรงเบียร์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มักให้ความสำคัญกับการผลิตจำนวนมาก ความสม่ำเสมอ และผลกำไรมากกว่ารสชาติและคุณภาพ เบียร์เชิงพาณิชย์มักจะใช้ส่วนผสมที่เป็นวัถตุดิบรองเพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น ข้าวและข้าวโพด ซึ่งอาจส่งผลให้กลิ่นและรสชาติของเบียร์ไม่เข้มข้นเหมือนคราฟต์เบียร์ นอกจากนี้ เบียร์เชิงพาณิชย์มักจะผ่านการกรองและการพาสเจอร์ไรซ์เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อรสชาติได้เช่นกัน
ข้อควรพิจารณาหลัก 4 ประการในการถกเถียงเรื่องคราฟต์เบียร์กับเบียร์เชิงพาณิชย์
1. Appearance รูปร่างหน้าตา
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนอย่างแรกเมื่อพูดถึงคราฟต์เบียร์กับเบียร์เชิงพาณิชย์คือรูปลักษณ์ โดยทั่วไปแล้ว เบียร์ที่ผลิตเพื่อการค้าส่งมักจะมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งมักจะเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาล บางทีถ้าเราลองเอาเบียร์สองยี่ห้อในท้องตลาดเทออกจากขวดใส่แก้วมาวางคู่กัน เราอาจแยกไม่ออก
ในทางกลับกัน คราฟต์เบียร์มีหลายเฉดสีตั้งแต่สีเหลืองอ่อนสีทองหม่นไปจนถึงทองแดงเข้มไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ คราฟเบียร์แต่ละตัวโดดเด่นและแตกต่างกันชัดเจน ต่อให้คนไม่มีความรู้เรื่องเบียร์มากนักก็ยังสามารถแยกชนิดของคราฟเบียร์แต่ละตัวได้โดยง่าย
2. Taste การลิ้มรส
หากมีใครบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการดื่มแต่เบียร์เชิงพาณิชน์ในบางประเทศที่เรารู้จักกันดี เราจะยกโทษให้พวกเค้าเหล่านั้นที่คิดว่าเบียร์ทุกชนิดมีรสชาติเหมือนกัน เป็นการยากที่จะปฏิเสธความคล้ายคลึงกันระหว่างแบรนด์เบียร์เชิงพาณิชย์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในมุมของคราฟเบียร์ รสชาติคือเรื่องระดับชาติ คราฟต์เบียร์หนึ่งคำกระตุ้นต่อมรับรสของคุณด้วยกลิ่นช็อกโกแลตและคาราเมลหวาน ๆ กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์และกลิ่นผลไม้ รวมถึงกาแฟเข้มข้นที่แฝงอยู่
เป็นความแตกต่างของรสชาติที่หลากหลายไม่รู้จบ และเราแทบจะไม่พบเบียร์สองชนิดที่มีรสชาติเหมือนกัน การทำคราฟเบียร์แต่ละแบบ แต่ละแบทช์ แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน
ถ้าเราจะพูดถึงการทดสอบรสชาติของคราฟต์เบียร์เทียบกับเบียร์เชิงพาณิชย์ คราฟต์เบียร์จะอยู่แถวหน้าเสมอ
3. Production การผลิต
ความแตกต่างในรสชาติและรูปลักษณ์ของคราฟต์เบียร์กับเบียร์เชิงพาณิชย์มักมาจากการผลิต โดยทั่วไปแล้วเบียร์ทั่วไปจะทำด้วยส่วนผสมและกระบวนการมาตรฐานทั่วไป ในขณะที่ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ใช้ความคิดอย่างรอบคอบในส่วนผสมที่พวกเขาเลือกใช้ การใส่ใจคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่ารสชาติของพวกเขาโดดเด่นไม่เหมือนใคร ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์มักจะผลิตเบียร์ในปริมาณที่ไม่มาก ทำให้มีเวลาใส่ใจในงานผลิตมากขึ้น
4. Experience ประสบการณ์
ความโดดเด่นของคราฟเบียร์คือการส่งผ่านประสบการณ์ของบริวเวอร์ลงไปสู่งานคราฟในแต่ละท้องถิ่น ส่วนเบียร์เชิงพาณิชย์ เราเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อ ซื้อมายกแพ็ค แค่นั้น เบียร์ของเราเป็นเพียงของเหลวไร้รูปร่างที่เหมือนกันกับเบียร์ตัวอื่นๆ ที่วางอยู่เต็มตู้แช่เย็น ซึ่งนั่นไม่ใช่กรณีของคราฟต์เบียร์ คราฟต์เบียร์มักผลิตในท้องถิ่น พร้อมโอกาสในการเยี่ยมชมโรงเบียร์และพูดคุยกับผู้ผลิตเบียร์ โรงเบียร์ยินดีเสมอที่จะต้อนรับเพื่อนผู้สนใจในงานคราฟเบียร์ ลองไปที่ HOP Beer House ในช่วงสุดสัปดาห์ หรือหากใครต้องการเรียนรู้วิธีการผลิตเบียร์ของเรา โปรดติดตามข่าวสารทางแฟนเพจเฟสบุ๊คหรือทางไลน์ของทางร้านก็เป็นอีกทางเลือกที่จะได้รู้จักคราฟเบียร์แบบเจาะลึก “หลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการ Craft Brewing Workshop”
หากใครยังไม่มั่นใจว่า บทสรุปที่ชัดเจนของงานโต้วาทีระหว่างคราฟต์เบียร์กับเบียร์เชิงพาณิชย์เป็นใคร (ซึ่งเพื่อนเราหลายท่านให้คราฟต์เบียร์อยู่แถวหน้า) แวะไปพิสูจน์ที่ร้าน HOP Beer House ในวันว่างๆ ช่วงเย็นๆ และชิมเบียร์ด้วยตัวเราเอง ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00น. ถึง 24.00 น.
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะคราฟต์เบียร์จะรังสรรวัตถุดิบดีแค่ใหน มีความซับซ้อนของกลิ่นและรสขาติอันหลากหลายแค่ใหน ไม่ว่าจะคราฟต์เบียร์หรือเบียร์เชิงพาณิชย์ใครจะเป็นผู้ชนะ พึงระลึกไว้อยู่เสมอว่า “เบียร์ที่อร่อย.. คือเบียร์ที่เราชอบ” นั่นคือผู้ชนะที่แท้จริง..