คราฟเบียร์กับศิลปะท้องถิ่น
หากพูดถึงคราฟเบียร์ (Craft beer) สิ่งแรกที่เรามักจะนึกถึงคงเป็นเบียร์ที่ผลิตแบบ homemade หรือเป็นผู้ผลิตรายเล็กที่ไม่ใช่เบียร์ระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่แบบที่เราเห็นทั่วไปตามท้องตลาด การผลิตคราฟเบียร์นอกจากจะเป็นโฮมเมดแล้ว ยังเป็นเบียร์ที่มีรสชาติหลากหลาย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง มาจากธรรมชาติ ผู้ผลิตยังต้องมีฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการรังสรรค์รสชาติ กลิ่น หรือแม้แต่เนื้อสัมผัส เพื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สำหรับคอเบียร์คงรู้อยู่แล้วว่าส่วนผสมหลักๆของเบียร์มีอะไรบ้าง แต่เราก็ขอพูดถึงคร่าวๆ เผื่อคนที่เพิ่งรู้จักคราฟเบียร์ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ ซึ่งส่วนผสมหลักในการทำก็จะมีอยู่ 4 ตัว เริ่มจากยีสต์ (Yeast) สิ่งที่ทำให้เกิดแอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ (Water) แหล่งที่มาต่างกันรสชาติและแร่ธาตุก็ต่างกันไปด้วย และเบียร์ยังมีน้ำมากถึง 95% มอลต์ (Molt) ธัญพืชที่ใช้สำหรับหมักเบียร์ หากใช้มอลต์ที่ต่างกัน รสชาติและสีก็ต่างกันไปด้วย และส่วนผสมหลักตัวสุดท้ายก็คือ ฮ็อปส์ (Hops) โดยจะใช้ส่วนดอกในการหมักเพื่อกลิ่นหอมและรสขม นอกจากนี้ยังป็นพืชที่ช่วยยืดอายุเบียร์
หลังจากที่ทุกคนได้รู้คร่าวๆ เกี่ยวกับคราฟเบียร์และส่วนผสมหลักๆแล้ว ต่อจากนี้เราก็จะพูดถึงศิลปะที่สอดแทรกในการทำคราฟเบียร์ หลายคนคงจะงงว่าทำไมคราฟเบียร์ถึงเป็นศิลปะได้ ถ้าเราได้ศึกษาหรือได้ลองชิม จะพบว่าคราฟเบียร์มีความแตกต่างจากเบียร์ทั่วไป ก็เพราะว่าในการที่เราจะผลิตคราฟเบียร์นอกจากที่เราจะต้องรู้ส่วนผสมและกระบวนการแล้ว สิ่งที่ต้องเข้าใจเพิ่มขึ้นอีกคือความหลากหลายและความเป็นเอกลักษณ์ของเบียร์แต่ละชนิด ถ้าหากได้ไปลองร้านคราฟเบียร์หลายๆ แห่ง คุณจะพบว่าแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันถึงแม้จะเป็นชนิดเดียวกันก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในเบียร์ได้อีกด้วย บางครั้งอาจจะใส่ช็อกโกแลต ใส่ผลไม้ลงไป ซึ่งถือว่าเป็นการทดลอง การผสมผสานสิ่งที่มีอยู่ลงเพื่อให้เกิดรสชาติใหม่ๆ ก็เปรียบเสมือนได้กับงานศิลปะที่ภาพนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนวาดว่าเขาต้อการวาดอะไร ใช้สีแบบไหนเพื่อให้ได้ภาพตามที่เขาต้องการสื่อให้คนเห็น โดยจุดนี้เองทำให้เราเห็นได้ชัดเจนเลยไม่ว่าจะเป็นการทำคราฟเบียร์หรือการวาดภาพต่างก็เป็นงานศิลปะทั้งคู่เพราะต่างต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนในการสร้างสิ่งที่ตนเองต้องการออกมา
เมื่อทุกคนได้เห็นความเหมือนของศิลปะกับคราฟเบียร์แล้ว สิ่งที่อยากจะพูดต่อไปคือ แล้วมันเป็นศิลปะท้องถิ่นได้อย่างไร? ถ้าเราลองนึกถึงแต่ละภูมิภาคของประเทศ เราก็จะเห็นได้ว่าในแต่ละพื้นที่จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต่างกัน เช่น วัฒนธรรม ประเพณี อาหาร สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นตัวสร้างเอกลักษณ์ให้แต่ละภูมิภาค แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ร้าน Hop Bar ที่จังหวัดขอนแก่นก็จะมีเบียร์ข้าวจี่ที่มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น สิ่งนี้เองที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นภาคอิสาน ใครที่ได้เห็นหรือได้ยินก็คงเข้าใจตรงกันว่านี่แหละต้องเป็นเบียร์ทางภาคอิสานแน่นอน และสิ่งที่ได้กล่าวไปในบทความนี้ก็คงทำให้ทุกคนได้เข้าใจถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนขึ้นของศิลปะท้องถิ่นกับคราฟเบียร์